การเกิดพฤติกรรมของสิ่งมีชีวิตจะต้องมีสิ่งกระตุ้น (stimulus) แล้วสิ่งมีชีวิตนั้นตอบสนอง (respond) ต่อสิ่งกระตุ้น ซึ่งจะออกมาในรูปแบบต่าง ๆ เช่น
การวิ่ง การร้องไห้ การกินอาหาร
การสืบพันธุ์ เป็นต้น สิ่งเร้าที่ทำให้เกิดพฤติกรรม แบ่งออกได้เป็น 2
แบบคือ
1.สิ่งเร้าภายนอก (external stimuli) คือ สิ่งเร้าที่อยู่นอกตัวผู้แสดงพฤติกรรม เช่น อาหาร แสงสว่าง ความร้อน
น้ำ สารเคมี เสียง แรงดึงดูดของโลก
2.สิ่งเร้าภายใน (internal stimuli) เป็นสิ่งเร้าที่อยู่ภายในตัว
ของผู้ที่แสดงพฤติกรรมเอง เช่น ความกระหาย ความหิว
ความต้องการทางเพศสิ่งเร้าเหล่านี้เป็นผลจากการทำงานของระบบประสาท และระบบฮอร์โมน
ระบบประสาท และระบบกล้ามเนื้อ จะเป็นตัวสำคัญที่ทำให้เกิดพฤติกรรม
โดยที่ระบบประสาท
ทำหน้าที่ในการรับความรู้สึกจากหน่วยรับความรู้สึก แล้วส่งกระแสประสาทไปยังสมองหรือไขสันหลังเพื่อตอบสนองต่อไป- ในสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำ เช่น พวกโพรทิสต์ จะมีระบบประสาทที่ไม่ได้พัฒนาไปมากนัก เช่น มีเส้นใยประสานงาน (co – ordination fibre) เท่านั้น ดังนั้น พฤติกรรมที่เกิดก็เป็นพฤติกรรมแบบง่าย ๆ ด้วย เช่น การเคลื่อนที่แบบไม่มีทิศทางของพารามีเซียม
- ในพวกซีเลนเทอเรต ระบบประสาทพัฒนาไปบ้าง แต่ก็ไม่มากโดยระบบประสาทเป็นแบบข่ายใยประสาท (nerve net) ทิศทางการเคลื่อนที่ของกระแสประสาท จึงไม่มีทิศทางแน่นอน พฤติกรรมก็เป็นแบบง่าย ๆ เช่นเดียวกับพวกโพรทิสต์
- ส่วนในสิ่งมีชีวิตชั้นสูง มีระบบประสาทที่พัฒนาไปมากทั้งในส่วนของอวัยวะรับความรู้สึกและอวัยวะตอบสนอง ดังนั้น พฤติกรรมจึงมีความสลับซับซ้อนกว่าพวกแรกมาก สัตว์ชนิดเดียวกันหรือต่างชนิดกัน เมื่อได้รับสิ่งกระตุ้นอย่างเดียวกันอาจแสดงพฤติกรรามเหมือนกันหรือต่างกันก็ได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับสภาวะของสัตว์ในขณะนั้น ๆ เช่น อายุ เพศ ความเจริญของระบบประสาทและกล้ามเนื้อ รวมไปถึงมูลเหตุจูงใจด้วยว่ามากน้อยขนาดไหน
อวัยวะรับความรู้สึกแบบออกได้เป็น 3
กลุ่ม คือ
(1) รับความรู้สึกจากภายนอก (exteroceptor) โดยรับการกระตุ้นจากสิ่งเร้าภายนอก เช่น ตารับแสง หูรับเสียง จมูกรับกลิ่น ผิวหนังรับอุณหภูมิ เป็นต้น
(2) รับความรู้สึกจากภายใน (interoceptor) โดยรับการกระตุ้นจากสิ่งเร้าภายใน เช่น
ความรู้สึกกระหายน้ำ ความรู้สึกหิว ความรู้สึกต้องการทางเพศ
(3) รับการกระตุ้นทั้งภายในและภายนอก (proprietor) พวกนี้ช่วยทำให้เราทราบตำแหน่งของร่างกายว่าอยู่อย่างใด ได้แก่ อวัยวะที่ทำหน้าที่ทรงตัวในหู รวมทั้ง ตัวรับความรู้สึกที่อยู่ในกล้ามเนื้อ เอ็น ข้อต่อด้วย
- สำหรับหน่วยตอบสนองนั้น เป็นหน่วยที่แสดงออกของพฤติกรรม ซึ่งระดับความเจริญและพัฒนราของระบบตอบสนองก็จะสัมพันธ์กับหน่วยรับความรู้สึก และระบบประสาทส่วนกลาง กล้ามเนื้อเป็นหน่วยตอบสนองในสัตว์ทั่ว ๆ ไป ส่วนในพวกโพรทิสต์ ไม่มีกล้ามเนื้อ แต่ก็อาศัยอวัยวะอื่นทำหน้าที่แทน เช่น ซีเลีย แฟลเจลลาหรือการไหลเวียนของโพรโทพลาสซึมในพวกอะมีบา (amoeboid movement) การตอบสนองมักจะเกี่ยว ข้องกับการเคลื่อนไหวและการเคลื่อนที่เสมอ
ในการแสดงพฤติกรรมของสัตว์ต้องมีสิ่งเร้ามากระตุ้นสัตว์จะแสดงพฤติกรรม เมื่อมีเหตุจูงใจ (motivation) ให้แสดงพฤติกรรมนั้นๆ เหตุจูงใจคือ ความพร้อมในร่างกายสัตว์ เช่น ความหิว ความกระหายความต้องการทางเพศเหตุจูงใจจะทำงานร่วมกับปัจจัยภายในร่างกายของสัตว์อีกหลายประการ เช่น สุขภาพระดับฮอร์โมน ระบบประสาท ระบบกล้ามเนื้อ หรือประสบการณ์ต่าง ๆ ที่สัตว์ได้รับเหตุจูงใจตามปกติต้องสูงพอประมาณ เช่น ร่างกายขาดน้ำเนื่องจากเสียเหงื่อมากจะมีผลไปกระตุ้นสมองส่วนไฮโพทาลามัส (hypothalamus) ให้เกิดการกระหายน้ำในขณะเดียวกันสมองก็สั่งการไปหน่วยปฏิบัติการ (effector) ให้เดินหาน้ำและเมื่อพบน้ำก็จะดื่มน้ำทันที ตัวกระตุ้นที่เหมาะสมคือ น้ำ และความพร้อมของร่างกายสัตว์ทำให้สัตว์ปลดปล่อยพฤติกรรมออกมาได้ คือพฤติกรรมการดื่มน้ำและเรียกตัวกระตุ้นนี้ว่าตัวกระตุ้นปลดปล่อย (releasing stimulus) กระแสประสาทที่ไวต่อตัวกระตุ้นปลดปล่อยนี้เรียกว่ากลไกการปลดปล่อยพฤติกรรม (releasing mechanism) โดยทั่วไปเหตุจูงใจและตัวกระตุ้นปลดปล่อยจะเป็นปฏิภาคผกผันกันคือถ้าเหตุจูงใจสูงสัตว์จะแสดงพฤติกรรมได้ โดยตัวกระตุ้นปลดปล่อยไม่ต้องสูงมากนัก ในทางตรงกันข้าม ถ้าเหตุจูงใจต่ำ ตัวกระตุ้นปลดปล่อยต้องสูงมากจึงจะแสดงพฤติกรรมได้ เช่น
- สัตว์อิ่ม (เหตุจูงใจต่ำ) เมื่อนำอาหารธรรมดา (ตัวกระตุ้นปลดปล่อยต่ำ) มาให้สัตว์กิน สัตว์ไม่แสดงพฤติกรรมกินอาหาร แต่ถ้าเป็นอาหารชนิดพิเศษ (ตัวกระตุ้นปลดปล่อยสูง)สัตว์แสดงพฤติกรรมการกินอาหารได้
- สัตว์หิว (เหตุจูงใจสูง) เมื่อนำอาหารธรรมดา (ตัวกระตุ้นปลดปล่อยต่ำ)มาให้สัตว์กินสัตว์ก็สามารถแสดงพฤติกรรมการกินอาหารได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น