ยังมีกล้องจุลทรรศน์อีกประเภทหนึ่ง ที่นิยมใช้กันอย่างกว้างขวาง มีกำลังขยายสูงมาก มันจะแตกต่างจากกล้องจุลทรรศน์แบบใช้แสงธรรมดา อย่างไร ไปดูกันเลย
กล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอน (electron microscope)
กล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอน หรือ E.M. ประดิษฐ์ขึ้นครั้งแรกในประเทศเยอรมัน เมื่อปี พ.ศ. 2475 โดยนักวิทยาศาสตร์ 2 ท่าน คือ แมกซ์
นอลล์ (max Knoll) และเอิร์นสท์ รุสกา (Ernst Ruska) โดยแสงที่ใช้เป็นลำแสงอิเล็กตรอน
ซึ่งมีขนาดเล็กมากจึงทำให้มีกำลังขยายสูงมาก ลำแสงอิเล็กตรอนมีความยาวคลื่นประมาณ 0.05 อังสตรอม (◦A) (1
◦A = 10-4
ไมโครเมตร)
ดังนั้นจึงทำให้กล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนมีค่ารีโซลูชัน หรือ
resolving power ประมาณ 0.0004
ไม่โครเมตร และมีกำลังขยายถึง
500,000 เท่า หรือมากกว่า
ระบบเลนส์เป็นเลนส์แม่เหล็กไฟฟ้า(electromagnetic
lens) แทนเลนส์แก้วในกล้องจุลทรรศน์ธรรมดา
เลนส์แม่เหล็กไฟฟ้าประกอบด้วยขดลวดพันรอบแท่งเหล็ก เมื่อกระแสไฟฟ้าผ่านเข้าไปทำให้เกิดสนามแม่เหล็กขึ้น
(electromagnetic field)
สนามแม่เหล็กไฟฟ้าทำให้ลำแสงอิเล็กตรอนเข้มข้นเพื่อให้ตกที่ตัวอย่างวัตถุที่จะศึกษาเลนส์ของกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอน ประกอบด้วย เลนส์รวมแสง(objective) และ Projector lens โดย projector lens ทำหน้าที่ฉายภาพจากตัวอย่างที่ศึกษาลงบนจอภาพ (ทำน้าที่คล้ายกับ eye piece ของกล้องจุลทรรศน์ธรรมดา)จอภาพฉาบด้วยสารเรืองแสงพวกฟอสฟอรัสเมื่อลำแสงอิเล็กตรอนตกลงบนจอจะทำให้เกิดเรืองแสงเป็นแสงสีขาวแกมเหลืองที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ผู้ศึกษาก็สามารถมองเห็นภาพบนจอได้ และก็สามารถบันทึกภาพนั้นด้วยกล้องถ่ายรูป ซึ่งประกอบอยู่กับกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนได้
กล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนในปัจจุบันมี
2 ชนิด คือ
(1) กล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนชนิดส่องผ่าน (transmission electron
microscope) เรียกย่อว่า
TEM ซึ่งเอิร์นสท์
รุสกา สร้างได้เป็นคนแรกเมื่อ ปี พ.ศ.
2475
ใช้ในการศึกษาโครงสร้างภายในของเซลล์
โดยลำแสงอิเล็กตรอนจะส่องผ่านเซลล์หรือตัวอย่างที่ศึกษาซึ่งต้องมีการเตรียมกันเป็นพิเศษ และบางเป็นพิเศษด้วย
(2) กล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนชนิดส่องกราด
(scanning electron microscope) เรียกย่อว่า SEM เอ็ม
วอน เอนเดนนี่ (M. Von Andenne) สร้างสำเร็จเมื่อปี พ.ศ. 2481 โดยใช้ศึกษาผิวของเซลล์หรือผิวของตัวอย่างวัตถุที่นำมาศึกษา โดยลำแสงอิเล็กตรอน จะส่องกราดไปบนผิวของวัตถุ ทำให้ได้ภาพซึ่งมีลักษณะเป็นภาพ 3 มิติ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น