สัตว์หลายชนิดจะอยู่รวมกัน เป็นกลุ่มเป็นหมู่เป็นพวก
ดังนั้นจึงต้องมีการติดต่อสื่อสารระหว่างสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นที่เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย พฤติกรรมสื่อสารระหว่างสัตว์ (animal communication
behavior)
ซึ่งประกอบด้วยหลายลักษณะคือ
การสื่อสารด้วยท่าทาง (visual
communication)
พบได้ในสัตว์หลายชนิด เช่น การกระดิกหางของสุนัข แสดงการต้อนรับ และหางตกแสดงอาการกลัว
(1) การสื่อสารของผึ้ง ศึกษาและทดลองเมื่อปี พ.ศ. 2488 (ค.ศ. 1945) โดย คาร์ล ฟอน ฟริช (Karl Von Frisch) แห่งมหาวิทยาลัยมิวนิค เยอรมันตะวันตก โดย ฟริช พบว่าผึ้งสำรวจ (scout honeybee) มีความสามารถในการส่งข่าวให้ผึ้งงาน (worker) ทราบได้ว่าที่ใดมีอาหาร และเป็นอาหารชนิดใด โดยที่ผึ้งสำรวจจะนำอาหารมายังรัง แล้วหยอดอาหารนั้นให้ผึ้งในรังทราบ ต่อจากนั้น ผึ้งสำรวจจะเต้นรำ เพื่อบอกระยะทางและทิศทางของอาหาร โดยเต้นรำเป็น 2 แบบ คือ
1.การเต้นรำแบบวงกลม (round dance) ถ้าหากอาหารอยู่ใกล้ เช่น ประมาณ 50
เมตร และไม่เกิน 80 เมตร
ผึ้งสำรวจจะเต้นรำเป็นรูปวงกลม
โดยเคลื่อนตัวไปทางด้านขวาก่อนในลักษณะตามเข็มนาฬิกา แล้วจึงหมุนไปทางซ้ายมือคือทวนเข็มนาฬิกา โดยมันจะทำแบบนี้ซ้ำ ๆ กันหลาย ๆ ครั้ง
ผึ้งอื่น ๆ ที่อยู่รอบ ๆ
จะเข้ามาสัมผัสเข้าใจว่าเพื่อให้ทราบชนิดของอาหารและดอกไม้
และทำให้ผึ้งตัวอื่นบินตามผึ้งสำรวจไปยังแหล่งอาหารได้
การเต้นรำแบบนี้ไม่สามารถบอกทิศทางของอาหารจากตำแหน่งของดวงอาทิตย์ได้
2. การเต้นรำแบบส่ายท้อง (wagging dance) หรือการเต้นรำแบบ เลข 8
(figure – 8)
ซึ่งมีความซับซ้อนกว่าแบบแรก เพราะจะใช้ในการสื่อสาร บอกตำแหน่งของอาหารและระยะทางของอาหารได้ หลังจากที่ผึ้งสำรวจไปพบแหล่งอาหาร จะกลับมารังแล้วเต้นรำแบบส่ายท้อง โดยหมุนไปทางขวาทีซ้ายที เป็นรูปเลข 8
โดยวงแรกจะเต้นไปตามเข็มนาฬิกาและทวนเข็มนาฬิกาในวงที่ 2
ความเร็วของการส่ายท้องประมาณ 13 – 15 ครั้งต่อนาที
ถ้าหากว่าแหล่งอาหารอยู่ไม่ไกลมาก อัตราการเต้นรำแบบส่ายท้องจะเร็วและใช้เวลาสั้นในการเต้นจำครบรอบ แต่ถ้าหากแหล่งอาหารอยู่ไกล
อัตราการส่ายท้องจะช้าลงใช้เวลานานในการเต้นจนครบรอบ ดังนั้นความเร็วของการส่ายท้อง
จะบอกระยะทางของแหล่งอาหารได้ เช่น
ระยะทาง 100 เมตร
จะเต้นให้ครบรูปเลข 8 ในเวลา
1.24 นาที ระยะทาง
1,000 บาทใช้เวลา 3
นาที และถ้าไกลถึง 8
กิโลเมตร จะใช้เวลา 48
นาที
สำหรับการบอกทิศทางของแหล่งอาหารจะอาศัยดวงอาทิตย์เป็นเข็มทิศ ถ้าหากผึ้งสำรวจเต้นรำ แล้วเคลื่อนตัวไปข้างหน้า (ทางด้านบนของรังผึ้ง)
แสดงว่าอาหารอยู่ทิศทางเดียวกับดวงอาทิตย์ แต่ถ้าหากเต้นรำ แล้วเคลื่อนลงมาข้างล่าง
แสดงว่าทิศทางของอาหารอยู่ตรงข้ามกับตำแหน่งของดวงอาทิตย์
ถ้าหากเต้นรำแล้วเคลื่อนตัวไปทางซ้ายของรังเป็นมุม 30
องศา กับแนวดิ่ง แสดงว่า
อาหารอยู่ทางซ้าย ทำมุมกับดวงอาทิตย์ 30
องศา
ถ้าหากเต้นรำแล้วเคลื่อนตัวไปทางขวา เป็นมุม 60
องศา กับแนวดิ่ง แสดงว่า อาหารอยู่ทางขวาทำมุมกับดวงอาทิตย์เป็นมุม 60
องศา
ดังนั้นผึ้งงานก็จะเข้าใจทั้งระยะทาง และทิศทางของอาหาร จึงไปนำอาหารนั้นมาเก็บไว้ในรังได้
(2) การสื่อสารของปลาสติกเกิลสามหนาม (three
spined stickleback) ศึกษาโดย
เอน ทิน เบอร์เกน (N.
Tinbergen)
และผู้ร่วมงาน โดยที่เขาพบว่า ในฤดูใบไม้ผลิ
ซึ่งเป็นฤดูผสมพันธุ์ปลาตัวผู้จะมีส่วนท้องเป็นสีแดงและปลาตัวเมียมีท้องป่องบวมขึ้นมา
เนื่องจากภายในมีไข่ การมีสีแดงสดของท้องปลาตัวผู้ จะกระตุ้นให้ปลาตัวเมียสนใจ และในขณะเดียวกัน
ปลาตัวผู้ก็สนใจปลาตัวเมียที่ท้องป่องจึงก่อให้เกิดพฤติกรรมการผสมพันธุ์เป็นลำดับขั้น
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะมีลักษณะเป็นขั้นเป็นตอน
และมีแบบแผนซึ่งจะเป็นผลในการกระตุ้นกันเป็นระบบทำให้เกิดการผสมพันธุ์ขึ้น และจะเกิดในรูปแบบนี้ ถ้าหากเป็นปลาชนิดอื่น
ก็จะมีรูปแบบที่แตกต่างกันมันจึงลไม่มีการผสมผิดชนิดกันอย่างเด็ดขาด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น