จาก blog ที่แล้ว เราได้ศึกษาโครงสร้างภายในและภายนอกของใบพืชไปแล้ว จากการศึกษาโครงสร้างภายในของใบพบว่าในชั้นเมโซฟีลล์ประกอบด้วยแพลิเซดเซลล์
และสปันจีเซลล์ชั้นสปันจีเซลล์อยู่ระหว่างแพลิเซดเซลล์กับเอพิเดอร์มิสด้านล่างโดยเซลล์เรียงกันอย่างหลวมๆ
ทำให้มีช่องว่างระหว่างเซลล์เป็นจำนวนมาก
ในขณะเดียวกันพื้นที่ผิวของสปันจีเซลล์ก็ได้สัมผัสกับอากาศภายในช่องว่างมากด้วย
ทำให้เกิดผลดีคือ
- 1.บริเวณสปันจีเซลล์และช่องอากาศนี้มีการแลกเปลี่ยนแก๊สสูงมากเพราะมีพื้นที่ผิวมากและชุ่มชื้นในเวลากลางวัน
- 2.มีการถ่ายเทความรวามได้เป็นอย่างดีเพราะภายในช่องอากาศอยู่นี้มีความชื้นสัมพัทธ์เกือบ
100 % เมื่อไอน้ำระเหยอออกไปก็นำความร้อนในรูปของความร้อนแฝงของการเป็นไอออกไปด้วยเป็นการลดอุณหภมิของใบให้ต่ำลง
เซลล์พืชจะใช้พลังงานในกระบวนการต่างๆของพืช
คือ
- 1.การขนส่งแบบแอคทิฟ
(active transport)
คือการดูดซึมแร่ธาตุ ที่รากของพืช การขนส่งและการลำเลียงสารในพืช
- 2.การแบ่งเซลล์ของเนื้อเยื่อเจริญ
ปลายยอด ปลายราก เนื้อเยื่อเจริญเหนือข้อ และเนื้อเยื่อเจริญด้านข้าง
การออกดอกออกผล
- 3.การสังเคราะห์สารโมเลกุลใหญ่จากสารโมเลกุลเล็ก
เช่น การสังเคราะห์โปรตีนจำพวกเอนไซม์การสังเคราะห์แป้งจากน้ำตาล
การสังเคราะห์ไขมันจากกรดไขมันเป็นผลให้พืชเจริญเติบโต
- 4.การเคลื่อนไหวของพืชและการตอบสนองของพืชต่อสิ่งแวดล้อม
- 5.การงอกของเมล็ดซึ่งเป็นช่วงที่พืชต้องการพลังงานเป็นจำนวนมากพืช
จึงต้องใช้สารอาหาร แก๊สออกซิเจนในกระบวนการหายใจอย่างมากด้วย ในเวลากลางวันพืชมีกิจกรรมทั้งการหายใจและสังเคราะห์ด้วยแสง
แต่กิจกรรมการสังเคราะห์ด้วยแสงจะดำเนินไปได้เร็วกว่าการหายใจจึงทำให้พืชมีการปลดปล่อยแก๊สออกซิเจนออกสู่บรรยากาศในขณะเดียวกันพืชก็นำแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์จากชั้นบรรยากาศเข้าสู่ไปด้วย
ดังนั้นในเวลากลางวันจึงเป็นช่วงเวลาที่เพิ่มแก๊สออกซิเจนและลดแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ให้แก่ชั้นบรรยากาศของโลก
ส่วนในเวลากลางคืนทั้งพืชและสัตว์จะมีกิจกรรมการหายใจเช่นเดียวกันจึงเป็นการเพิ่มแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์และลดแก๊สออกซิเจนให้แก่ชั้นบรรยากาศของโลก
การหายใจของพืชหลังการเก็บเกี่ยว
ในพืชการหายใจเป็นกลไกในการสร้างพลังงานให้แก่ต้นพืช
เพื่อทำให้เกิดการเจริญเติบโตออกดอกออกผล ยิ่งไปกว่านั้นหลังเก็บเกี่ยวแล้วก็ยังคงมีการหายใจอยู่จนกว่า
จะสิ้นอายุขัยของเซลล์
ซึ่งเมื่อเทียบกันแล้วจะเห็นได้ว่าส่วนของพืชที่ถูกเก็บเกี่ยวมาแล้วจะสูญเสียอาหารและน้ำจากกระบวนการหายใจและคายน้ำไปมากกว่าพืชที่ยังไม่ได้เก็บเกี่ยว
เนื่องจากส่วนของพืชที่เก็บเกี่ยวแล้วจะไม่ได้รับสารอาหารชดเชย
แต่ในส่วนของพืชที่ยังไม่ได้เก็บเกี่ยวยังคงได้รับสารอาหารจากการสังเคราะห็ด้วยแสงอยู่
และน้ำแร่ธาตุก็ยังได้รับจากการที่ส่วนของพืชที่ถูกเก็บเกี่ยวจะยังคงสดอยู่ได้นานเพียงใดจะขึ้นอยู่กับปริมาณของสารอาหารที่สะสมอยู่ในเนื้อเยื่อของพืชและอัตราการหายใจของพืชหลังเก็บเกี่ยวนั่นเอง
การวัดการหายใจสามารถทำได้โดยการวัดปริมาณออกซิเจนที่ถูกใช้ไปหรือปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ถูกปล่อยออกมา
ตารางแสดงชนิดของผลแบ่งตามอัตราการหายใจหลังการเก็บเกี่ยว
ผลไม้พวกไคลแมกเทริก
|
ผลไม้พวก
นอน – ไคลแมกเทริก
|
กล้วย
น้อยหน่า
มะละกอ
มะม่วง
แตงโม
มะเขือเทศ
ขนุน
ฝรั่ง
ละมุด
ทุเรียน
อะโวกาโด
กีวี
มะเดื่อ
พลับ
ท้อ
, สาลี่ , แอปเปิล
|
องุ่น
ส้มชนิดต่างๆ
มะนาว
สับปะรด
เงาะ
มังคุด
ลำไย
ลางสาด
มะกอก
เชอรี่
แตงกวา
มะเฟือง
มะไฟ
ลิ้นจี่
|